ไตรกลีเซอร์ไรด์สูง เสี่ยงโรคอะไร แก้ยังไงมาดู

เวลาไปตรวจสุขภาพ บางทีเราไม่ได้กลัวหมอหรอก แต่กลัวกระดาษผลเลือดที่มีขีดแดง ๆ มากกว่า 😂�หนึ่งในตัวที่ชอบมีปัญหาคือ “ไตรกลีเซอร์ไรด์” หลายคนเห็นแล้วก็งงว่า “อันนี้มันตัวไหนอีกวะ? ต่างจากคอเลสเตอรอลไหม? แล้วมันอันตรายจริงหรือแค่ตกใจไปเอง?”

วันนี้จะเล่าแบบเพื่อนเล่าให้เพื่อนฟัง ว่า ถ้าไตรกลีเซอร์ไรด์สูง มันเสี่ยงอะไร และเราจะจัดการมันยังไงได้บ้าง


1. ไตรกลีเซอร์ไรด์คืออะไร?

เอาง่าย ๆ เลย ไตรกลีเซอร์ไรด์ก็คือ “ไขมันที่ลอยอยู่ในเลือดเรา”�เวลาที่เรากินข้าว กินของหวาน กินชานมไข่มุกเข้าไป ถ้าร่างกายใช้พลังงานไม่หมด ส่วนเกินจะถูกเปลี่ยนเป็นเจ้านี่แหละ แล้วไปเก็บไว้ตามพุง ต้นขา และตับ

ถ้าเปรียบเทียบกันง่าย ๆ

•คอเลสเตอรอล = วัสดุก่อสร้าง เอาไว้สร้างผนังเซลล์ สร้างฮอร์โมน

•ไตรกลีเซอร์ไรด์ = น้ำมันเชื้อเพลิง เอาไว้กักตุนพลังงานยามขาดแคลน


มันไม่ได้เลวร้ายอะไรถ้าอยู่ในระดับปกติ

แต่พอมีมากเกินไปเมื่อไหร่


2. ไตรกลีเซอร์ไรด์สูง เสี่ยงโรคอะไรบ้าง?

หลายคนคิดว่า “อ้วนสิถึงจะเป็น” แต่จริง ๆ ไม่เสมอไปนะครับ บางคนตัวไม่ใหญ่มาก แต่กินหวานจัด ดื่มเหล้าเก่ง ค่าไตรกลีเซอร์ไรด์ก็พุ่งได้เหมือนกัน

โรคที่มักจะตามมา ได้แก่ 👇


1) โรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (Heart attack)

เวลามีไขมันล้น ๆ ในเลือด มันจะไปสะสมตามผนังหลอดเลือด ทำให้เส้นเลือดแข็งและตีบง่ายขึ้น วันดีคืนดีหลอดเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลัน หัวใจหยุดเต้นกะทันหันก็มีให้เห็น บางคนแข็งแรงดี ๆ เมื่อเช้า ตอนบ่ายกลับกลายเป็นข่าวเศร้า

2) อัมพฤกษ์–อัมพาต (Stroke)

ถ้าไขมันไปอุดที่เส้นเลือดสมอง = เส้นเลือดตีบ เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ → อัมพาตครึ่งซีก พูดไม่ได้ กลืนไม่ได้ บางรายฟื้นแล้วไม่กลับมาเหมือนเดิม ต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต

3) ไขมันพอกตับ – ตับแข็ง – มะเร็งตับ

ไตรกลีเซอร์ไรด์สูง = ไขมันไปกองในตับ พอสะสมมาก ๆ ตับอักเสบ → ตับแข็ง → สุดท้ายเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งตับ ทั้งที่บางคนไม่เคยแตะเหล้าเลยด้วยซ้ำ

4) เบาหวานชนิดที่ 2

ไตรกลีเซอร์ไรด์สูงสะท้อนว่าร่างกายดื้อต่ออินซูลินอยู่เรื่อย ๆ พอเป็นเบาหวานแล้ว

ก็จะพาเพื่อนมาด้วย เช่น ตาบอด ไตวาย

ต้องฟอกไต แขนขาชา


5) ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน (Pancreatitis)

ฝ ถ้าค่าไตรกลีเซอร์ไรด์สูงมาก ๆ ระดับพันขึ้นไป ตับอ่อนอักเสบได้ทันที ปวดท้องรุนแรงจนดิ้น นอนโรงพยาบาลหลายวัน บางคนถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย


3. ทำไมค่ามันถึงสูงได้?

หลัก ๆ ก็มาจากการใช้ชีวิตนี่แหละครับ

•กินหวานจัด → น้ำอัดลม ชานมไข่มุก ขนมเค้ก ของหวานหลังอาหารเย็น

•กินของทอด ของมัน → ไก่ทอด น้ำมันเก่า ๆ กรอบ ๆ มัน ๆ ที่ชอบนัก

•ดื่มแอลกอฮอล์ → เบียร์นี่ตัวพีคเลย ดื่มทีไรค่าไตรกลีเซอร์ไรด์พุ่งแน่

•น้ำหนักเกิน → โดยเฉพาะอ้วนลงพุง ยิ่งมีพุงเยอะ ค่ายิ่งสูง

•เบาหวานที่คุมไม่ดี → น้ำตาลสูงก็กลายเป็นไขมันเพิ่ม

•ยาบางชนิด → เช่น ยาขับปัสสาวะบางตัว หรือสเตียรอยด์


4. จะทำยังไงให้มันลดลง?

ไตรกลีเซอร์ไรด์เป็นค่าที่ “ตอบสนองกับการปรับพฤติกรรมเร็วมาก” บางคนแค่เปลี่ยนการกินไม่กี่เดือน ค่าเลือดลงจนหมอยิ้มให้เลย

มาดูวิธีที่ทำได้จริงในชีวิตประจำวันกันครับ

•ลดของหวาน�ใครติดชานม ลองเปลี่ยนจากวันละแก้วเหลือสัปดาห์ละแก้วดูครับ น้ำอัดลมก็เปลี่ยนเป็นน้ำเปล่า หรือโซดามะนาวแบบไม่ใส่น้ำตาลแทน

•เลือกไขมันดีแทนไขมันเลว�แทนน้ำมันทอดด้วยน้ำมันมะกอกบ้าง กินปลาทะเลอาทิตย์ละ 2–3 ครั้ง เช่น แซลมอน ซาร์ดีน หรือถ้าไม่สะดวกก็หาพวกเมล็ดแฟลกซ์หรือถั่วมาช่วย

•ลดแอลกอฮอล์�ถ้าอยากลดเร็วจริง ๆ เลิกเหล้า เบียร์ก่อนเลยครับ เพราะแอลกอฮอล์คือบูสเตอร์ไตรกลีเซอร์ไรด์โดยตรง

•ขยับตัวให้มากขึ้น�เดินเร็ว ๆ วันละ 30 นาที ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำก็ได้ครับ ไม่ต้องถึงกับเข้ายิมโหด ๆ เอาแบบทำได้จริงและสม่ำเสมอพอ

• ลดน้ำหนักถ้าเกิน�ใครพุงนำหน้า ลองลดสัก 5–10% ของน้ำหนักตัว ค่าไตรกลีเซอร์ไรด์จะลงเห็นชัดมาก

•ยา (ในบางกรณี)�ถ้าสูงมาก ๆ จนเสี่ยงตับอ่อนอักเสบ หรือปรับพฤติกรรมแล้วยังไม่ลง หมออาจให้ยา เช่น Fibrate, Statin หรือ Omega-3 เสริม

แต่อันนี้ต้องปรึกษาหมอก่อนกินนะ


5. ไตรกลีเซอร์ไรด์ไม่ใช่แค่ตัวเลขบนกระดาษนะครับ แต่เป็นสัญญาณที่ร่างกายบอกว่า ถึงเวลาลดหวาน ลดมัน และเริ่มดูแลตัวเองจริง ๆ ได้แล้ว ใครที่ไปตรวจแล้ว ไตรกลีเซอร์ไรด์ สูง ก็เอาโพสต์นี้ไปปรับใช้ได้นะ

Cr:หมอเจด