ท่าน ว.วชิรเมธี ส่งทนายฟ้องยูทูบเบอร์ ป้ายสีไร่เชิญตะวันร้าง
วันนี้ (20 พ.ค.68) พระเมธีวชิโรดม หรือท่าน ว.วชิรเมธี ชี้แจงผ่านเพจเฟจบุ๊กถึงปัจจุบันของไร่เชิญตะวัน หลังถูกสื่อโซเชียลโจมตีว่าไร่เชิญตะวันร้าง โดยท่าน ว.วชิรเมธี ระบุว่า เดือนพฤษภาคม-ตุลาคม ของทุกปี วงการท่องเที่ยวเรียกว่าช่วง “โลว์ซีซั่น” นักท่องเที่ยวจะบางตา เพราะเป็น “หน้าฝน” คนจะเดินทางท่องเที่ยวน้อยลง เป็นอย่างนี้ทุกแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ
การมาวัดช่วงโลว์ซีซั่น คนบางตา จึงไม่ควรด่วนสรุปว่า “วัดร้าง” ถ้ามีความรู้สักหน่อย และเป็นเพียงความรู้พื้นฐานเท่านั้น ไม่ใช่ความรู้ชั้นสูงที่ซับซ้อนอะไร ก็พอจะรู้ได้ว่า ไม่ว่าแหล่งท่องเที่ยวไหน คนก็น้อยและบางตาเป็นเรื่องสามัญ ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดทั้งสิ้น
ถ้ามาในเวลาเปิดทำการตามปกติ (08.00-17.00 น.) ก็จะพบเจ้าอาวาส และพบเจ้าหน้าที่ทำงานตามปกติทุกวัน ยังคงมีคนทำบุญ ยังคงมีแขกมาเยือนไม่ได้ขาด และขอให้มาที่ห้องรับแขกของวัดด้านหน้า ไม่ใช่บุกไปถ่ายกุฏิพระที่เก่าซอมซ่ออายุหลายสิบปีด้านหลัง อันเป็นเขตสงฆ์ ซึ่งฆราวาสไม่ควรละเมิด ไม่ควรบุกรุกสถานที่ตามแต่ใจ วัดเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ใครบุกรุกเข้ามาทำการตามอำเภอใจ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าอาวาส ย่อมมีความผิดอยู่แล้ว
(ส่วนกุฏิเก่าซอมซ่อเพราะสร้างด้วยไม้เก่าที่ชาวบ้านรื้อบ้านมาสร้างถวาย และอยู่ในเขตปรับปรุง เพื่อฟื้นฟูบูรณะอยู่แล้ว ไม่ได้มีพระอยู่มาเป็นปี เพราะเสื่อมสภาพ ไม่ปลอดภัย ความจริงมันง่ายๆ แค่นั้น)
ท่าน ว.วชิรเมธี ระบุด้วยว่า อยากรู้ว่า ใช่เชิญตะวันเป็นอย่างไร วิธีที่ง่ายที่สุดก็แค่ “เช็กที่เพจทางการ” ของทางวัด ก็จะเห็นความเป็นไปทั้งหมด ซึ่งถ้าหากมี “อาชีวปฏิญาณ” คือ “จรรยาของวิชาชีพสื่อ” ที่รักความจริง ก็จะรีเช็คความเป็นไปของไร่เชิญตะวันได้ทั้งหมดว่ายังคงมีกิจกรรมตามปกติไหม ซึ่งหากใครก็ตามติดตามเพจทางการของไร่ที่ชื่อ“พระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี) ก็จะพบความจริงว่า เรายังมีมีกิจกรรมทุกอย่างตามปกติทั้งระดับชาติ นานาชาติ และกิจวัตรประจำวันของพระสงฆ์ ก็ดำเนินไปอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
สำหรับคนทำสื่อชนิดเอามันเข้าว่า หวังแต่ยอดไลก์ ยอดแชร์ ไม่แคร์ข้อเท็จจริง ทางทีมกฎหมายเพื่อพุทธศาสตร์ โดยท่านนายกสมาคมกฎหมายเพื่อพุทธศาสตร์ ได้นำเรื่องนี้ยื่นเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายแล้ว ผลของการนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์จะเป็นอย่างไร ก็ขอให้ไปตอบศาลท่านเอาเองก็แล้วกัน